อธิบาย Spatial Audio คืออะไร ต่างจาก Spatial Audio with Dolby Atmos บน Apple Music หรือไม่ | Blognone
Apple ปล่อยฟีเจอร์ Spatial Audio มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ของ AirPods Pro รุ่นใหม่ และ iOS 14 ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2019 แต่การใช้งานยังจำกัดแค่บน iOS และ iPadOS และใช้ได้แค่บางแอปเท่านั้น
ล่าสุด Apple เพิ่งประกาศเตรียมอัพเดต Spatial Audio ให้ใช้งานได้บน Apple TV 4K และเครื่อง Mac ที่ใช้ชิป M1 พร้อม tvOS และ macOS เวอร์ชั่นใหม่ภายในปีนี้ ในงาน WWDC21 ที่ผ่านมา พร้อมเพิ่มเพลย์ลิสต์ใหม่โชว์ประสิทธิภาพ Spatial Audio with Dolby Atmos ใน Apple Music หลังเปิดตัวฟีเจอร์นี้ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Spatial Audio บนแอปดูหนังหรือสื่อในรูปแบบวิดีโอ เช่น Apple TV กับ Spatial Audio with Dolby Atmos บน Apple Music แม้จะมีชื่อเดียวกัน แต่ปัจจุบันยังมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งผู้เขียนจะอธิบายคร่าวๆ เริ่มตั้งแต่การทำงานเบื้องต้นของ Spatial Audio สำหรับวิดีโอ ไปจนถึงข้อแตกต่างของทั้งสองแบบในบทความนี้
หากจะสรุปให้เข้าใจง่าย Spatial Audio คือการนำระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 / 7.1 หรือ Dolby Atmos มาจำลองใช้งานกับหูฟัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะระบบเสียงรอบทิศทางหรือ 3D Audio บนหูฟังก็มีมานาน และมีใช้งานหลายเจ้าแล้ว
ข้อแตกต่างคือ Apple ใช้ gyroscope และ accelerometer ที่มากับ AirPods Pro และ AirPods Max ในการทำ head tracking หรือตรวจจับการหันหรือขยับตำแหน่งศีรษะของผู้ฟัง เพื่อยึดแหล่งกำเนิดเสียงให้อยู่กับที่ เช่น หากดูหนังอยู่บน iPad Pro ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า แต่หันหัวไปด้านซ้าย เสียงของนักแสดงในหนัง ก็จะเปลี่ยนมาอยู่ทางขวา เหมือนจุดกำเนิดเสียงคือ iPad Pro เหมือนเดิม
Spatial Audio ใช้การแปลงสัญญาณ 5.1, 7.1 และ Dolby Atmos มาใส่ฟิลเตอร์ HRTF (Head-Related Transfer Function) หรือเรียกว่าเทคนิค “binaural rendering” ปรับความถี่จำเพาะของเสียงที่ส่งไปยังหูทั้งสองข้าง เพื่อให้รู้สึกเหมือนแหล่งกำเนิดเสียงมาจากระยะและทิศทางที่แตกต่างกันไป แม้จะมาจากหูฟัง จึงใช้ได้กับแทบทุกแอปที่รองรับระบบเสียงรอบทิศทางบน iOS
อย่างไรก็ตาม WhatHiFi ระบุไว้ว่าแม้ Spatial Audio จะไม่จำเป็นต้องใช้ Dolby Atmos (รองรับบนอุปกรณ์ Apple รุ่นปี 2018 เป็นต้นมาเท่านั้น) แต่การนำ Spatial Audio มาผนวกกับสัญญาณระบบ Dolby Atmos น่าจะให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด
แอปเช่น Netflix หรือ Amazon Prime Video ยังไม่รองรับระบบเสียงรอบทิศทางบนอุปกรณ์ iOS และแม้ Apple จะมี plug-in แปลงเสียงสเตอริโอให้เป็น Spatial Audio ซึ่งนักพัฒนาสามารถเปิดใช้ได้ แต่ Netflix กับ Amazon ก็ยังไม่ใช้ตัวเลือกนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะรองรับบน tvOS และ macOS ในอนาคต
แอปที่รองรับเป็นหลักในตอนนี้คือ Apple TV, Disney+ (แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า Disney+ Hotstar ในบ้านเราจะรองรับหรือไม่) ที่สัญญาณเสียงจะถูกแปลงเป็น Spatial Audio เมื่อใช้หูฟัง AirPods Pro หรือ AirPods Max บนอุปกรณ์ iOS และ iPadOS ที่รองรับเท่านั้น ส่วน Apple TV 4K และ Mac ต้องรออัพเดต tvOS 15 และ macOS Monterey
ถ้าผู้ใช้ต้องการทดสอบว่าวิดีโอที่เล่นอยู่รองรับ Spatial Audio หรือไม่ ให้ลองเปิด Control Center ขึ้นมา แตะค้างหรือใช้ 3D Touch ที่การตั้งค่าเสียงหูฟัง เพื่อเปิดการตั้งค่าเสียงแบบเต็ม หากวิดีโอที่เล่นรองรับ Spatial Audio คลื่นเสียงที่ปุ่ม Spatial Audio จะขยับ และผู้ใช้จะสามารถลองเปิดปิด Spatial Audio เพื่อฟังความแตกต่างได้ที่ปุ่มนี้เช่นกัน
ข้อแตกต่างของ Spatial Audio with Dolby Atmos บนแอป Apple Music คือระบบ Spatial Audio จะถูกเรียกรวมกับ Dolby Atmos เลย ไม่ได้รองรับเสียงแบบ 5.1 หรือ 7.1 มาเกี่ยว และจะเล่นได้บนเพลงที่มีสัญลักษณ์ Dolby Atmos และยังระบุในการตั้งค่าเปิดปิดในแอป Apple Music ว่าเป็น Dolby Atmos
หากผู้ใช้ใช้หูฟังยี่ห้ออื่น หรือรุ่นอื่นที่ไม่ใช่ AirPods Pro หรือ AirPods Max ก็ยังได้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้อยู่ โดยเพลงที่รองรับ จะมีซาวด์สเตจที่เปิดกว้าง เสียงเหมือนมาจากหลายทิศทาง หลายระยะต่างกัน ตามที่ระบุในข้อมูลของ Apple
Apple ไม่ได้เปิดการใช้งาน Dolby Atmos ให้กับหูฟังอื่นๆ มาตั้งแต่แรก หากต้องการเปิดใช้งานสามารถเข้าไปเปลี่ยนการตั้งค่า Dolby Atmos ในแอป Apple Music จากแบบ Automatic เป็นแบบ Always On ได้ เท่านี้หูฟังอื่นๆ ก็จะสามารถฟังเพลงที่รองรับการเล่นเสียงแบบ Dolby Atmos ได้แล้ว
ผู้ใช้ที่ใช้หูฟัง AirPods Pro หรือ AirPods Max บน iPhone หรือ iPad ที่รองรับ ปัจจุบันยังไม่มีความแตกต่างจากหูฟังอื่น แต่จะมีการอัพเดต เพิ่มการล็อกทิศทางของเสียงด้วยระบบ dynamic head tracking เหมือนกับ Spatial Audio ของวิดีโอ เข้ามาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (ช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม) ตามที่ระบุในเอกสารซัพพอร์ตของ Apple
ส่วนบนอุปกรณ์อื่น ตอนนี้ Spatial Audio with Dolby Atmos บนแอป Apple Music รองรับการเล่นเพลงบน Apple TV 4K ที่มีลำโพง Dolby Atmos และอุปกรณ์ตระกูล HomePods เท่านั้น ยังไม่รองรับการฟังเพลงบนหูฟัง AirPods Pro และ AirPods Max แต่ Apple ก็เตรียมอัพเดตให้ใช้งานได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้เช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็น่าจะมาพร้อมกับ iOS 15, iPadOS 15, tvOS 15 และ macOS Monterey
Spatial Audio สำหรับวิดีโอ จะหมายถึงระบบเสียงรอบทิศทางที่มีการใช้งาน head tracking ร่วมด้วย ปัจจุบันใช้งานได้กับหูฟัง Apple ที่มี gyroscope และ accelerometer อย่าง AirPods Pro และ AirPods Max คู่กับอุปกรณ์ iOS และ iPadOS รุ่นที่รองรับเท่านั้น แต่จะขยายไปอยู่ทั้งบน Mac รุ่นชิป M1 และ Apple TV 4K ใน tvOS 15 และ macOS Monterey แน่นอนว่ายังต้องใช้ AirPods Pro และ Max อยู่
ส่วน Spatial Audio with Dolby Atmos ปัจจุบันหมายถึงเพลงที่มีระบบเสียง Dolby Atmos ที่ใช้งานได้กับหูฟังทุกแบบ แต่จะมีฟีเจอร์ dynamic head tracking ที่ใช้งานได้บนหูฟัง AirPods Pro และ AirPods Max เท่านั้น เพิ่มเข้ามาใน iOS 15, iPadOS 15, tvOS 15 และ macOS Monterey เช่นกัน