สาเหตุไมค์หอน (Feedback) + วิธีแก้ไมค์หอน

By สุโสภาภรณ์ แดงอุบล

คำถามยอดฮิตที่กึกก้องอยู่ในรูหูของคนทำเสียงและนายจ้าง หลายๆท่านคงประสบปัญหาตามหัวข้อที่กล่าวมาใช่หรือไม่? เปรียบเสมือนปัญหาโลกแตกพอๆกับการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯกันเลยก็ว่าได้ ช่างเสียงที่ทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างเราๆมักจะเจอโจทย์ประกาสิตจากลูกค้าที่เคารพว่างานนี้ไมค์ห้ามหอน หอนเมื่อไหร่หักค่าตัวทันที หรือหลายๆคนยังคิดเข้าใจอยู่ว่าเครื่องเสียงราคาแพงต้องไม่มีเสียงหอน เครื่องเสียงเป็นล้านถ้าใช้ผิดวิธีก็หนีไม่พ้นเรื่องเสียงหอนแน่นอน ในบทความนี้เราจะมาบอกถึงตัวการที่ทำให้เกิดเสียงหอนพร้อมวิธีการแก้ไขอย่างชาญฉลาดและมืออาชีพกันครับ

เรามาทำความเข้าใจเรื่องการที่มีเสียงหอน หรือภาษาสากลเรียกว่า ฟีดแบ็ค (Feedback) กันก่อนว่ามันเกิดจากอะไร

การที่เราป้อนสัญญาณเสียงเข้าไปในระบบเสียงนั้น เริ่มจากเสียงพูดของเราไปเข้าไมโครโฟนและสัญญาณเสียงผ่านเครื่องมือในระบบเสียง ไม่ว่าจะเป็น มิกเซอร์, อีคิว, ครอสโซเวอร์, เพาเวอร์แอมป์ จนกระทั้งสุดท้ายมาออกที่ลำโพง หากว่าสัญญาณเสียงเดินทางตามกระบวนการนี้ทุกอย่างก็จบไม่มีปัญหา แต่บังเอิญว่าปัญหามันเกิดจาก

หากใครเข้าใจเรื่องความดังของเสียงก็จะพอนึกภาพออกว่าเมื่อความดังของเสียงความถี่เดียวกันมีเฟสตรงกันความดังก็จะเพิ่มขึ้น มันเพิ่มมากเกินไปจนความถี่นั้นล้นออกมาทำให้กลายเป็นเสียงหอนหรือเสียงฟีดแบ็ค (Feedback) ได้ครับ ซึ่งเสียงหอนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเสียงวนกลับเข้าไมโครโฟนเท่านั้น แต่มันสามารถ ก็ได้เหมือนกัน รวมถึง เองด้วย

บ่อยครั้งที่เรามักเข้าใจผิดว่าการแก้ปัญหาเรื่องไมค์หอนหรือเสียงฟีดแบ็ค(Feedback) นั้นต้องใช้ไมโครโฟนหรือเครื่องเสียงราคาแพง อยากบอกว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เครื่องเสียงราคาแพงนั้นให้คุณภาพเสียงที่ดีแต่ไม่ได้แก้เรื่องเสียงหอน หากต้องการแก้เรื่องเสียงหอนเราต้องเริ่มจากการใช้งานเครื่องเสียงของเราได้อย่างถูกวิธี ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้แก้ไขปัญหาการเกิดเสียงหอนได้ง่ายเรามาดูกันดีกว่าครับ

สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการตั้งค่าเกนอินพุทของไมโครโฟน หากเราไม่เข้าใจเรื่องการตั้งค่าเกนไมโครโฟน ต่อให้เราใช้เครื่องเสียงเป็นล้านก็ไม่สามารถช่วยเรื่องไมหอนได้ เกนอินพุทของไมโครโฟนถือเป็นด่านแรกที่เราจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจว่าตั้งค่าเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม หากเราตั้งค่ามากเกินไปแน่นอนว่าไมโครโฟนตัวนั้นจะรับเสียงได้ไวขึ้นและจะไม่รับเสียงที่เราพูดอยู่อย่างเดียวจะรับเสียงอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเราเข้ามาด้วยยิ่งเสียงที่ออกจากลำโพงก็จะทำให้เกิดเสียงหอนได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่สำคัญในการเลือกไมโครโฟนมีอยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ ชนิดของไมโครโฟนและรูปแบบการรับเสียงของไมโครโฟน

• ชนิดของไมโครโฟนหลักๆมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ ไดนามิคไมโครโฟน และคอนเดนเซอร์ไมโครโฟน ความเข้าใจผิดๆที่เรามักรู้กันคือถ้าใช้คอนเดนเซอร์ไมโครโฟนแล้วเสียงจะหอนง่ายซึ่งไม่ใช้เรื่องจริง ไม่ว่าจะใช้ไดนามิคหรือคอนเดนเซอร์หากเราใช้ไม่เหมาะสมกับการใช้งานก็สามารถทำให้เกิดเสียงหอนได้ง่ายเช่นกัน คอนเดนเซอร์ไมโครโฟนจะให้ย่านเสียงต่ำที่ราบเรียบสม่ำเสมอและย่านเสียงแหลมที่มีความคมชัดมากมากกว่าไดนามิคไมโครโฟนในขณะที่เราพูดห่างไมโครโฟน

• รูปแบบการรับเสียงของไมโครโฟนนั้นก็สำคัญเช่นเดียวกัน หากเราเลือกใช้ไมโครโฟนที่มีรูปแบบการรับเสียงแบบ ออมนิไดเร็คชั่นนอล(Omni directional)เพื่อนำมาใช้งานบนเวทีมีลำโพงเยอะแยะมากมาย เสียงจะรับทุกทิศทางทำให้เสียงที่ออกจากลำโพงจะวนกลับเข้ามาได้ง่ายขึ้นทำให้เกิดเสียงหอนตามมา เราก็ต้องจำเป็นต้องเลือกไมโครโฟนที่มีการรับเสียงที่เหมาะสมกับการใช้งาน

หากเราไม่เข้าใจเรื่องลักษณะการรับเสียงของไมโครโฟนแล้วก็เป็นเรื่องยากในการแก้ปัญหาไมค์หอน เราต้องเข้าใจก่อนว่าไมโครโฟนที่เรานำมาใช้งานนั้นมีลักษณะการรับเสียงแบบไหน ยกตัวอย่างเช่น ไมโครโฟนที่รับเสียงแบบคาร์ดิออย(Cardioid) นั้น จะรับเสียงจากด้านหน้าเป็นหลักและไม่รับเสียงด้านหลังหากเราไปยืนด้านหน้าลำโพงแล้วหันไมโครโฟนเข้าหาลำโพงแน่นอนว่าย่อมจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดไมค์หอนแน่ๆ แต่ถ้าหากเราหันด้านข้างของไมโครโฟนให้กับลำโพงความเสี่ยงก็จะลดลง

เพราะการที่เรากำหัวไมโครโฟนมือที่เรากำนั้นจะไปบดบังวงจรที่สร้างรูปแบบการรับเสียงของไมโครโฟน ทำให้วงจรทำงานผิดเพี้ยน รูปแบบการรับเสียงแบบเดิมไม่สามารถทำงานได้ เช่น ไมโครโฟนรูปแบบการรับเสียงแบบคาร์ดิออย (Cardioid) เมื่อเราไปกำหัวไมค์การรับเสียงก็จะกลายเป็น ซับคาร์ดิออย (Subcardioid) หรือเกือบๆเป็นการรับเสียงแบบ ออมนิไดเร็คชั่นนอล(Omni Directional) นั่นคือการรับเสียงแบบรอบทิศทางทำให้เกิดเสียงหอนได้ง่ายเช่นกัน

ระยะห่างจากปากผู้พูดก็เหมือนกันหากเราพูดห่างมากๆเราก็ต้องเพิ่มเกนอินพุทของไมโครโฟนมากขึ้น เพื่อให้ได้ยินรายละเอียดเสียงสิ่งที่ตามมาคือ เสียงอื่นก็จะเข้ามามากขึ้น ฉะนั้นยิ่งพูดใกล้ไมโครโฟนมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็เพิ่มเกนอินพุทของไมโครโฟนน้อยลง เสียงอื่นก็จะรั่วเข้าน้อยลงโอกาสที่จะเกิดเสียงหอนก็น้อยลงตามไปด้วย เช่น ไมโครโฟนชุดประชุมที่หลายๆท่านมักจะเจอปัญหาเรื่องเสียงหอน เพราะบางครั้งเราพูดห่าง ไมโครโฟนมากจนเกินไปหรือเลือกความยาวของก้านไมโครโฟนไม่เหมาะสมกับผู้พูด เมื่อพูดห่างมากเสียงเบาทำให้ต้องเพิ่มเกนอินพุทของไมโครโฟนมากขึ้นเสียงหอนก็ตามมา เพราะไมโครโฟนอยู่ใกล้กับลำโพงมากหากติดตั้งไมโครโฟนไม่เหมาะกับผู้ใช้งานก็จะก่อปัญหาได้

แน่นอนว่าหากเราเลือกลำโพงมาใช้งานผิดประเภทไม่เหมาะกับห้องประชุมที่เรากำลังใช้งานมักจะก่อปัญหาให้เราเยอะแยะมากมายทั้งความดังที่ไม่เพียงพอและเสียงสะท้อนกลับจากผนังมาเข้าไมโครโฟนอีกล้วนแล้วแต่สร้างปัญหาให้เราทั้งสิ้น สิ่งสำคัญในการเลือกลำโพงมาใช้กับห้องประชุมนั้นคือความดังของลำโพง โดยเราดูจากเซนซิติวิตี้ (Sensitivity) ความดังของลำโพงที่ 1วัตต์/1เมตร ว่ามีความดังเท่าไหร่(ยิ่งมากยิ่งดี) ไม่ได้ดูที่กำลังวัตต์ หากเราเลือกลำโพงที่มีความดังที่เหมาะสมกับห้องแล้วเมื่อเราใช้ไมโครโฟนก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเกนมากจนเกินไปก็ได้ยินเสียงดังทั่วทั้งห้อง หากเลือกลำโพงได้แบบนี้แล้วต่อให้เราติดตั้งลำโพงด้านหลังผู้พูดหรือเดินผ่านหน้าลำโพงก็ยากที่จะทำให้เกิดเสียงหอนได้

ส่วนมากแล้วอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะเป็นอุปกรณ์จำพวกอีคิว (EQ) ไม่ว่าจะเป็นพาราเมตริคอีคิว (Parametric EQ) หรือกราฟฟิคอีคิว (Graphic EQ) ก็ดี ล้วนมีส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการช่วยจัดการเสียงหอนของไมโครโฟน เราเลยต้องลงทุนอุปกรณ์จำพวกนี้ไว้เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา

นี่คือสิ่งที่มักจะได้ยินกัน แต่ในความเป็นจริงนั้น ต่อให้ “ เครื่องเสียงราคาหลักหมื่นยันหลักล้าน ก็สามารถเกิดอาการเสียงหอนได้ หากเราไม่เข้าใจที่มาที่ไปในการเกิดเสียงหอน (Feedback) นั้น “ เราจึงจำเป็นต้องลงทุนอุปกรณ์พร้อมๆกับลงทุนบุคลากรที่ต้องมีความรู้ความสามารถและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการทำงานและใช้งานอุปกรณ์ นักขับรถสูตร 1 ถ้ามาขับรถธรรมดาและเราคนธรรมดาไปขับรถสูตร 1 เชื่อได้เลยว่าเราไม่มีความสามารถนำรถเข้าเส้นชัยได้แน่ๆเพราะเราขาดทักษะการควบคุมอาจจะแหกโค้งแรกก็เป็นได้ เครื่องเสียงก็เหมือนกันยิ่งราคาแพงยิ่งให้เสียงที่ดีไม่ใช่เสียงไม่หอนอย่างที่เข้าใจ

หวังว่าทุกท่านคงนึกภาพออกและเข้าใจเรื่องเสียงหอนกันมากขึ้นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จะแก้ปัญหายังไง ถ้าแก้ได้ถูกทางเราก็จะได้คุณภาพเสียงที่คุ้มค่าต่อการลงทุนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ต้องโดนหลอกให้ซื้อของที่ไม่จำเป็นโดยเปล่าประโยชน์นะครับ

สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่กำลังมองหาหรือตัดสินใจที่กำลังจะหา เครื่องเสียงสำหรับงานกลางแจ้ง หรือ เครื่องเสียงสำหรับงานห้องประชุม มาใช้งานรวมถึงไมโครโฟนชนิดต่างให้ได้ตรงตามความต้องการของเรานะครับ…..หากมีข้อสงสัยประการใดในการเลือกซื้อเครื่องเสียงทุกแบบทุกประเภท

หากมีข้อมูลหรือข้อผิดพลาดประการใดสำหรับบทความนี้ต้องขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยครับ