รู้จักประเภทของ “หูฟัง” และรูปแบบการใช้งาน – Headphone

By สุโสภาภรณ์ แดงอุบล

ปัจจุบัน “หูฟัง” นั้นเป็นสินค้าเครื่องเสียงที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยหูฟังนั้นมีความหลากหลายทั้งด้านราคาและรูปแบบการใช้งาน

9917cdf9603623ea129a3a299a560871.jpg

ขณะเดียวกันการมีตัวเลือกมากขึ้น การตัดสินใจซื้อก็อาจยากมากขึ้นไปด้วย เพราะว่าไม่ใช่เพียงแค่ยี่ห้อรุ่น หรือเสียงที่ถูกใจ ทว่ายังต้องดูด้วยว่าหูฟังนั้นเหมาะกับการใช้งานของเราด้วยหรือไม่

ดังนั้นการได้รู้จักหูฟังประเภทต่าง ๆ ทั้งในหลายแง่มุม ทั้งทางด้านเทคนิคและรูปแบบของการใช้งาน อาจทำให้เราเลือกได้ง่ายขึ้น ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและถูกใจมากยิ่งขึ้น

แบ่งตามลักษณะการออกแบบทางอะคูสติก

1. หูฟังประเภทปิดหลัง (Closed-Back Headphones) หูฟังประเภทนี้ส่วนที่เป็นเอียร์คัปหรือกรอบหูฟังซึ่งทำหน้าที่เป็น acoustic chamber (ห้องอากาศ) สำหรับติดตั้งตัวไดรเวอร์หรือตัวขับเสียงนั้นถูกออกแบบให้ปิดมิดชิด

จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือ การเก็บเสียงที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากตัวหูฟังที่จะแพร่ออกสู่ภายนอก หรือเสียงจากภายนอกที่จะแพร่เข้ามาในหูฟัง

เหมาะกับการใช้งานในที่สาธารณะ หรือสถานที่ที่ผู้ใช้ไม่ต้องการให้เสียงจากหูฟังแพร่ออกไปรบกวนผู้อื่นเช่น บนรถสาธารณะ บนเครื่องบิน ในห้องสมุด ฯลฯ หรือในขณะเดียวกันที่ผู้ใช้งานก็อาจต้องการหลีกเลี่ยงการรบกวนจากเสียงแวดล้อมด้วย

สำหรับจุดด้อยของหูฟังประเภทนี้มักเป็นเรื่องความกว้างของมิติเสียง หรือความโปร่งโล่งของเสียงที่ทำให้ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า ทว่าในปัจจุบันผู้ผลิตหูฟังแบบปิดหลังหลาย ๆ ยี่ห้อ ก็สามารถเอาชนะจุดด้อยหรือข้อจำกัดนี้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นจุดด้อยที่ว่านี้จึงอาจไม่ใช่คุณสมบัติด้านลบของหูฟังประเภทนี้เสมอไป

ตัวเอียร์คัปที่เป็นห้องอากาศสำหรับติดตั้งตัวไดรเวอร์นั้นถูกออกแบบให้เปิดโล่งที่ด้านหลังตัวไดรเวอร์ทำให้คลื่นเสียงที่ด้านหลังตัวไดรเวอร์มีโอกาสได้ถูกปลดปล่อยออกสู่ภายนอกทางด้านหลังของหูฟัง

จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้มักจะเป็นเรื่องของคุณภาพเสียง โดยเฉพาะด้านความโปร่งใส ความกระจ่างชัดตลอดจนซาวด์สเตจที่กว้างขวาง หูฟังประเภทนี้มักจะให้บรรยากาศเสียงที่ดีกว่าหูฟังประเภทปิดหลัง โดยเฉพาะที่มีราคาในระดับใกล้เคียงกัน

ทว่าทั้งหมดนั้นก็ต้องแลกมาด้วยคุณสมบัติที่เป็นตรงกันข้ามกับหูฟังประเภทปิดหลังด้วยเช่นกัน ประการแรกคือ มันไม่เก็บเสียง หูฟังประเภทนี้คลื่นเสียงมักเล็ดลอดออกมาให้คนที่อยู่รอบข้างได้ยิน ขณะเดียวกันเสียงรบกวนต่าง ๆ ที่แวดล้อมอยู่ภายนอกก็สามารถแพร่เข้าไปรบกวนเสียงในหูฟังได้ง่ายมาก

ดังนั้นหูฟังประเภทนี้จึงเหมาะกับการใช้งานแบบนั่งอยู่กับที่เช่น ที่บ้าน ที่ทำงานแบบมีห้องส่วนตัว หรือในห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ไม่เหมาะจะใช้งานในที่สาธารณะหรือใช้งานในระหว่างการเดินทาง

เพราะนอกจากเสียงในหูฟังนั้นจะแพร่ไปรบกวนผู้อื่นแล้ว เสียงเครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ ของยานยนต์นั้นสามารถทำให้เสียงจากหูฟังมีคุณภาพแย่ลงไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในย่านความถี่ต่ำที่เนื้อเสียงมักจะบางลง มีน้ำหนักเสียงผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น

แบ่งตามลักษณะการออกแบบทางกายภาพและลักษณะการใช้งาน

1. หูฟังแบบแปะหู (On-Ear Headphones) หรือในอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Supra-aural Headphones เป็นหูฟังที่ถูกออกแบบให้สวมใส่ใช้งานแบบที่ตัวหูฟังนั้นปิดทับอยู่บนใบหู ตัวหูฟังนั้นมีขนาดใหญ่กว่าหูฟังแบบเอียร์บัด (Earbuds) แต่ขนาดเล็กและกะทัดรัดกว่าหูฟังแบบครอบหู (Over-Ear Headphones)

หูฟังประเภทนี้เมื่อสวมใส่ใช้งานจะไม่มีหรือมีเสียงเล็ดลอดออกมาน้อยมากเนื่องจากปิดทับเต็มใบหู โดยเฉพาะถ้าเป็นหูฟังแบบปิดหลัง เป็นหูฟังที่สามารถออกแบบให้ใช้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ระดับ 40-50mm ได้ถ่ายทอดเสียงทุ้มลึกได้ในขณะที่ยังมีขนาดกะทัดรัด พกพาได้สะดวก โดยเฉพาะรุ่นที่ออกแบบให้สามารถพับเก็บได้

อย่างไรก็ดีหูฟังประเภทนี้อาจไม่เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะว่าหูฟังที่กดทับอยู่บนใบหูอาจทำให้เกิดอาการเจ็บใบหูได้เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน

2. หูฟังแบบครอบหู (Over-Ear Headphones) หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า Circus-aural Headphones เป็นหูฟังที่ถูกออกแบบให้สวมใส่ใช้งานแบบที่ตัวหูฟังวางครอบไปบนศีรษะ และตัวเอียร์คัปวางครอบอยู่บริเวณรอบใบหู

หูฟังประเภทนี้มักออกแบบให้มีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ (40-100mm หรือใหญ่กว่า) มีแบนด์วิดธ์กว้าง ขณะเดียวกันการถ่ายทอดซาวด์สเตจหรือเวทีเสียงนั้นมีความกว้างขวางโอ่โถง โดยเฉพาะถ้าเป็นหูฟังแบบเปิดหลัง

หูฟังแบบโอเวอร์เอียร์หากว่าออกแบบให้สวมใส่สบายและไม่หนักจนเกินไปจะเป็นหูฟังที่เหมาะกับการใช้ฟังเพลงหรือดูหนังได้เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากตัวเอียร์แพดนั้นไม่ได้กดทับที่ใบหูโดยตรง

อย่างไรก็ดีหูฟังประเภทนี้อาจทำให้เกิดการสะสมของร้อนหรือเหงื่อไคลบริเวณรอบใบหูได้ โดยเฉพาะถ้าหากตัววัสดุที่ใช้ทำเอียร์แพดไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเช่น หนังเทียมหรือหนังสังเคราะห์

3. หูฟังแบบอินเอียร์ (In-Ear Headphones) บางครั้งอาจเรียกในชื่อ in-ear monitors (IEM) ชื่อของหูฟังประเภทนี้มีที่มาจากลักษณะการสวมใส่ใช้งานที่ต้องแหย่ปลายจุกซิลิโคนหรือจุกโฟมเข้าไปในรูหู เพื่อส่งคลื่นเสียงเข้าสู่แก้วหูโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพ

หูฟังอินเอียร์เป็นหูฟังที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีความไวสูง และเก็บเสียงได้ดี เพราะกับการใช้งานแบบพกพาทั้งในและนอกสถานที่ สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เล่นเพลงแบบพกพาหรือสมาร์ทโฟนได้ดีและมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันหูฟังอินเอียร์มีการใช้ไดรเวอร์ทั้งแบบไดนามิก บาลานซ์อามาเจอร์ และอิเล็กโตรสแตติก (ขนาดจิ๋ว) บางรุ่นก็มีการออกแบบให้เป็นมัลติไดรเวอร์ ทั้งแบบที่ใช้ไดรเวอร์แบบเดียวกันหมดหรือใช้ไดรเวอร์แบบลูกผสมหรือไฮบริด

4. หูฟังแบบเอียร์บัด (Earbuds) เป็นหูฟังขนาดเล็ก ส่วนมากเลือกใช้ไดรเวอร์แบบไดนามิกขนาด 6-15mm เป็นหูฟังที่มีรูปแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ส่วนมากจะออกแบบให้มีครอบโฟมหรือขอบยางช่วยซีลระหว่างตัวหูฟังกับรูหูเพื่อช่วยป้องกันเสียงรั่ว ทำให้การตอบสนองความถี่ต่ำมีน้ำหนักเสียงที่ดีขึ้นและมีสมดุลเสียงที่ดี

จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือ ความสะดวกในการใช้งาน สามารถสวมใส่ใช้งานได้เป็นเวลานาน เพราะน้ำหนักเบาและไม่บีบรัดใบหูในขณะที่ยังให้คุณภาพเสียงที่ดี เป็นหูฟังที่มีความไวสูงสามารถใช้งานกับเครื่องเล่นแบบพกพาหรือสมาร์ทโฟนได้ดี ขณะที่การตอบสนองความถี่ต่ำอาจเป็นรองหูฟังประเภทอื่น ๆอยู่บ้างเนื่องจากขนาดของตัวไดรเวอร์และเรื่องของการออกแบบทางอะคูสติก

แบ่งตามเทคโนโลยีในการออกแบบสมัยใหม่

1. หูฟัง Bluetooth (Bluetooth Headphones) เป็นหูฟังที่ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายแทนการใช้งานสัญญาณเสียงตามปกติ มีจุดเด่นในแง่ของความสะดวกคล่องตัวในการใช้งานเนื่องจากไม่ต้องมีสายในการเชื่อมต่อ

หูฟัง Bluetooth ยังสามารถแยกย่อยไปได้อีกตามลักษณะของการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบฟูลไซส์โอเวอร์เอียร์, หูฟังไร้สายแบบสปอร์ตเช่น ดีไซน์แบบ neckband หรือหูฟังไร้สายแบบ true wireless

จากอดีตถึงปัจจุบันหูฟังบลูทูธได้มีการพัฒนาเทคนิคการเข้ารหัสเสียงแบบไร้สายให้มีคุณภาพดีขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่มีการใช้งานอยู่ก็อย่างเช่น SBC, AAC, aptX, aptX HD และ LDAC (เรียงตามลำดับคุณภาพเสียง)

ข้อจำกัดของหูฟังประเภทนี้คือ ในเวลาใช้งานตัวหูฟังจำเป็นต้องมีพลังงานจากแบตเตอรี่ ทำให้หูฟังประเภทนี้จำเป็นต้องมีการชาร์จแบตเตอรี่เหมือนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ทั่วไป

อย่างไรก็ดีหูฟังสมัยใหม่โดยเฉพาะหูฟังไร้สายบลูทูธในกลุ่มโอเวอร์เอียร์ได้ถูกออกแบบให้มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานหลายสิบชั่วโมงหรืออาจยาวนานข้ามวัน ขณะที่หูฟังไร้สายบางรุ่นได้ออกแบบให้สามารถใช้งานแบบเสียบสายหูฟังได้ด้วย

2. หูฟังตัดเสียงรบกวน (Noise-Cancelling Headphones) เป็นหูฟังสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีตัดหรือลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอก หรือจากสภาพแวดล้อม โดยอาศัยเทคนิคการใช้ไมโครโฟนรับเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาแล้วประมวลผลก่อนส่งสัญญาณที่ประมวลผลแล้วออกไปหักล้างกับเสียงรบกวนที่แพร่เข้ามาในหูฟัง

หูฟังตัดเสียงรบกวนพบเห็นได้ทั้งแบบที่เป็นหูฟังเสียบสายและหูฟังแบบไร้สาย หูฟังไร้สายสมัยใหม่อาจมาพร้อมฟังก์ชันที่สามารถเชื่อมต่อใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนได้

นอกจากนั้นบางรุ่นยังมีฟังก์ชันเพิ่มเติมอย่างเช่น การควบคุมสั่งงานด้วยระบบสัมผัส (gesture control), การเปิดฟังเสียงจากภายนอกได้, การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับการลดทอนเสียงรบกวนได้เอง ตลอดจนการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียง (virtual assistant)